วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

...ภาพจริงของชีวิต....(2)


...การฝากลักษณะที่กล่าวมามีจุดอ่อนคือ ถ้าผมเป็นหัวหน้าครอบครัวผมต้องมีเงินเท่าไหร่ให้กับครอบครัว ต้องมี 10 ล้านบาท และ 10 ล้านบาทสมควรมีวันไหน สมควรมีวันนี้ แต่อย่างว่าไม่ใช่นึกแล้วจะมีเงินพร้อมเลยก็ต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 อย่างคือ 1.ต้องกำหนดระยะเวลาขึ้นมา ว่าจะฝากกี่ปีจะได้เงิน 10 ล้าน ตรงนี้กำหนดได้.2.ต้องฝากอย่างสมำเสมอ อย่าขาด ตรงนี้ก็ควบคุมได้ และ3.ในระยะเวลาที่กำหนดนั้นผมต้องควบคุมปัญหา 4 อย่างคือ ความตาย อุบัติเหตุ เจ็บป่วยและพิการให้ได้....ถ้าควบคุมไม่ได้ ถ้าเกิดปัญหาตัวที่1 การตาย ฝากธนาคารมา 3 ปีก็จะได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย.แล้วถ้าเป็นปัญหาตัวที่ 2  เงินฝากไว้ก็ต้องถอนมาเป็นค่ารักษาจนเกือบหมด ถ้าเป็นตัวที่4 พิการก็ติดลบทั้งชีวิต นี้เป็นจุดอ่อนของการฝากเงินในปัจจุบัน จุดดีคือถอนมาใช้ได้ตลอดเวลาถ้าถอนบ่อยๆก็ไม่ถึงเป้าหมายได้ช้าหน่อย..เท่านั้นเอง....
.....คนเรานั้นก็ได้ค้นพบวิธีการฝากเงินอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า..ฝากประกัน.. ในอดีตมีเงินเท่าไหร่ก็ฝากหมดคือ100% แทนที่จะฝาก 100%ก็เปลี่ยนมาฝาก 90%หรือ85% ส่วนที่เหลือก็มาฝาก 10%-15%ย้ายที่ฝากเงินมาฝากในรูปประกัน..แต่มีข้อแม้ว่าเวลาฝากสุขภาพต้องดี ประกันก็คือการฝากเงินในนโยบายเดียวกัน...เพียงแต่ถ้าพบกับปัญหา 4 อย่างที่กล่าวมานั้น ประกันจะมีเงินก้อนโตมารองรับภาระทั้งหมด ที่กล่าวมาทั้งหมดคือการประกันชีวิตใช่หรือไม่.. ไม่ใช่ เพราะชีวิตคนเรานั้นการตายมีคนละ 1 ครั้งประกันไม่ได้ นั้นมันคืออะไรละ..มันก็คือการประกันรายได้... ประกันความสามารถของแต่ละคนให้สมบูรณ์แบบในรูปต่างๆต่างหากละ...
.....ภาพชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไปตามวิถีของแต่ละคน..คนที่มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างดีย่อมได้เปรียบกว่า เป็นคนแก่ที่มีเงิน ลูกหลานยำเกรง คอยมาบริการ ส่วนคนที่ไม่มีการวางแผนอะไร..เป็นคนแก่ที่ลำบาก มีลูกหลานดีเลี้ยงดูก็ดีไป..ถ้าไม่ใช่ก็ลำบาก..เป็นภาระกับลูกหลาน ชีวิตปล่อยไปตามยถากรรมอย่างน่าสงสาร..
.....เคยมีคนเล่าว่า...เวลาคนเราในยามหนุ่มแน่น..ในวัยทำงานมีเงินทองย่อมนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ตนอยากมี อยากได้ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้ลูกเมียใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในแต่ละเดือนๆๆผ่านไปๆ...จนลืมการเก็บออมให้ตัวเองในอนาคต..คือคนแก่ในอีก 20-30ปีข้างหน้า คนแก่.หลังค่อมๆ.. ผอมโซ ผมหงอกทั้งหัว.ไม่มีรายได้อะไรอีก...เดินถือไม้เท้ามาเข้าแถวรอรับเงินค่าอาหารแต่ละมื้อ..จากตัวเอง(ที่ยังหนุ่ม)ที่สนุกกับใช้จ่ายเงินให้คนอื่นๆ..พอถึงคิวยื่นมืออันสั่นเทาจะรับ..แต่ไม่มีเหลือแล้ว..ได้เดินคอตกกลับไปด้วยความผิดหวังทุกครั้งทุกวันๆๆ...และแล้วเวลาได้ผ่านมาจนวันนี้..เขานั่งปาดเหงื่อ.เอนตัวหลับตาลง.ถ้าหากว่าย้อนเวลากลับไปได้เขาจะเก็บออมเงินเสียแต่ยังหนุ่มให้มากที่สุดตั้งแต่ในวันนั้นมันคงจะไม่ลำบากในวันนี้..พอคิดได้ก็สายเสียแล้ว...........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น